[SHINEE FICTION - SF] WHITE CAT (JONGHYUN x KEY) - [SHINEE FICTION - SF] WHITE CAT (JONGHYUN x KEY) นิยาย [SHINEE FICTION - SF] WHITE CAT (JONGHYUN x KEY) : Dek-D.com - Writer

    [SHINEE FICTION - SF] WHITE CAT (JONGHYUN x KEY)

    [SF]เนื่องในวันเกิดคิมคีย์บอมแห่งชายนี่ ระวังอ่านแล้วจะอยากเลี้ยงแมวนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,150

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    15

    ผู้เข้าชมรวม


    1.14K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    19
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.ย. 56 / 23:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    - WHITE CAT -
    happy birthday SHINee 'KIM KEY BUM '




    Minor!
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : WHITE CAT
      Paring : JONGHYUN x KEY
      Author : Mirror*


       
       

      “จง ฉันว่ามีแมวแอบเข้ามาในห้องแกนะ”

       

      ตอนที่เจ๊โซดัมพี่สาวคนเดียวของผมพูดประโยคนี้หลังจากที่เจ๊แกเดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาจากห้องทำเอาผมถึงกับงง เพราะถึงเจ๊แกจะมีน้ำจิตน้ำใจคอยเข้ามาช่วยทำความสะอาดห้องให้น้องชายที่ช่วงนี้สภาพจิตใจไม่ปกติ แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจนะว่าไม่เคยเห็นแมวตัวไหนโผล่มาในห้องเลย

       

      แต่ ณ วินาทีนี้กลับเป็นผมเองนี่แหละที่ยืนเหวออยู่หน้าประตู

       

      หลังจากพาตัวเองเข้าห้องและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว พอหันมาก็พบเข้ากับสิ่งมีชีวิตขนสีขาวน้ำนมแต่หูแต้มสีดำขลับกำลังนั่งหน้าระรื่นอยู่บนเตียงของผม ย้ำ เตียงของผม!

       

      “ก...แกมาได้ไงเนี่ย!?” ก็รู้นะว่ามันตอบไม่ได้แต่ก็ยังจะถาม

       

      เจ้าเหมียวยกเท้าตัวเองขึ้นเลียและมองหน้าผมซึ่งเป็นเจ้าของห้องอย่างอารมณ์ดี เห็นได้จากที่มันปัดป่ายหางไปมาเชื่องช้า ผมเดินไปวางเป้ลงบนโต๊ะแล้วพุ่งเข้ามาหามัน แมวขนขาวไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือคิดจะหลบ แถมยังส่งเสียงร้องเมี้ยวๆใส่ผมอีกต่างหาก

       

      ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาวางบนตัก นึกโล่งอกที่บริเวณที่มันนั่งไม่มีขนของมันหลุดร่วงอยู่เลย เพราะถึงแม้จะหายจากอาการภูมิแพ้เมื่อโตขึ้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะกลับมากำเริบอีกครั้งหากสูดอากาศเอาขนของสัตว์เข้าไปด้วย

       

      ลองยกขึ้นมามองหน้าชัดๆ เออ มันก็น่ารักดีเหมือนกัน ขาวทั้งตัวแต่ที่หูกลับแต้มสีดำ หน้าตาก็ดูขี้อ้อนดี แต่ไอ้การที่มันโผล่เข้ามาอยู่ในห้องทั้งที่หน้าต่างปิดอยู่นี่ล่ะแปลกสุด ผมหันไปมองทางหน้าต่างก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ มันเปิดอ้าอยู่ทั้งๆ ที่ผมมั่นใจว่าปิดหน้าต่างก่อนออกไปเรียนแน่นอน

       

      ยังไม่ทันจะได้งงไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงร้องเรียกขึ้นมาเสียก่อน ผมวางเจ้าเหนียวขนขาวลงข้างตัวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรเข้าก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

       

      [ไง ไอ้จง ร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่หรือเปล่า?]

       

      “บ้านมึงสิ!” จัดคำสรรเสริญไปก่อนหนึ่งที “แล้วนี่มึงคิดถึงกูมากเหรอ ขึ้นเครื่องไปเมื่อวาน วันนี้โทรมาหากูละ”

       

      [เออ กูยอมรับ เชี่ยแม่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กต้องมาห่างกันครึ่งโลกกูก็ใจหายเป็นเหมือนกันนะโว้ย]

       

      เสียงจากปลายสายที่ยังจะติดกวนๆ ทำให้ผมยิ้มกว้าง เพื่อนข้างบ้านซึ่งเป็นเพื่อนเล่นและเพื่อนสนิทของผมมาตั้งแต่จำความได้เพิ่งจะบินไปเรียนต่อทั้งตรีและโทถึงยุโรป ถึงจะบอกว่าอีกไม่กี่ปีก็กลับมาแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเหมือนบางอย่างในชีวิตขาดหายไปเลยทีเดียว

       

      “แล้วนี่มึงเป็นไงมั่งอนยู? ถึงแล้วใช่มั้ย?”

       

      [เออ ถึงแล้ว ย้ายของเข้าเสร็จแล้วด้วย กำลังว่าจะไปหาอะไรกิน ที่นี่อากาศแม่งหนาวชิบหาย]

       

      ระหว่างที่ผมกำลังสนทนาทางไกลอยู่กับปลายสาย สายตาผมก็เพิ่งเหลือบไปเห็นว่าเจ้าแมวขนขาวเดินไปอยู่ที่ขอบหน้าต่างแล้ว มันหันหน้ากลับมามองผมแล้วส่งเสียงร้องเบาๆ หนึ่งครั้งเหมือนจะบอกลาก่อนจะกระโดดปีนต้นไม้ริมรั้วหายไป ไอ้ครั้นผมจะหยุดบทสนทนากับเพื่อนที่อุตส่าห์โทรทางไกลมาหาเพื่อตามแมวก็ใช่เรื่อง ผมก็เลยปล่อยให้มันไป

       

      ผมคิดว่าคงไม่ได้เจอกับเจ้าหูดำอีกแล้ว เพราะมันคงเป็นแค่แมวจากบ้านไหนสักบ้านที่เที่ยวเล่นซนไปตามบ้านคนอื่นเขา ถึงผมจะแอบสงสัยไม่เลิกว่ามันเปิดหน้าต่างเข้ามานั่งจ๋องถึงบนเตียงของผมได้ยังไงก็เหอะ

       

      แต่ผิดคาด หลังจากผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์เจ้าแมวตัวเดิมก็มาปรากฏตัวบนเตียงในห้องผมอีกครั้ง นั่งหน้าระรื่นแบบเดิม ส่งเสียงทักทายแบบเดิม ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงใกล้ๆ มัน ยื่นมือไปลูบหัวเกาคางให้จนมันหยีตา

       

      “ตกลงแกเป็นแมวบ้านใครเนี่ย หือ?” เจ้าแมวนี่คงจะเพลินมาก มันเอาหัวไถกับมือผมใหญ่

       

      “ถ้าไม่มีเจ้าของฉันจะตั้งให้ว่า คีย์’ ดีมั้ย? กินอะไรมาหรือยังเนี่ย?”

       

      ผมก็รู้ตัวนะว่าชักจะบ้าบอคุยกับแมวไปเรื่อย พอเล่นกับมักสักพักจึงได้ลุกไปหยิบนมกล่องพร้อมถ้วยพลาสติกมา เทนมวางไว้มุมห้องแล้วกวักมือเรียกให้เจ้าตัวขาวมากิน มันกระโดดจากเตียงพลางส่งเสียงร้องอ้อนๆ แล้วเดินมากินนมที่ผมเทไว้ให้

       

      หลังจากวันนั้นคีย์ก็มาที่ห้องผมบ่อยขึ้น ทุกครั้งหลังกลับมาจากมหาลัย เจ้าแมวหน้าตาจิ้มลิ้มก็มักจะนั่งอยู่บนเตียงเหมือนรอต้อนรับผมทุกวัน ถึงตอนนี้ผมลืมข้อสงสัยที่ว่ามันเปิดหน้าต่างเข้ามาอยู่ในห้องผมได้ยังไงไปแล้ว คีย์ทำให้ผมลืมความเหงาไปได้มากจริงๆ

       

      หลังจากให้อาหารมัน ผมก็นั่งเล่นกับคีย์สักพักแล้วค่อยไปอาบน้ำและทบทวนบทเรียน คีย์จะออกไปทางหน้าต่างช่วงหัวค่ำ บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจเวลาเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือ แล้วผมก็ไม่รู้เหตุผลหรอกนะว่าเพราะอะไรถึงจะต้องเป็นตอนที่ฟ้ากำลังเปิดทุกครั้งคีย์ถึงจะกลับออกไป

       

      เย็นวันหนึ่งผมกลับบ้านมาพร้อมของขวัญชิ้นหนึ่งให้เจ้าแมวขี้อ้อน พอเปิดประตูห้องมาแล้วพบว่ามันยังคงนั่งส่งเสียงเมี้ยวๆ ตอนรับผมอยู่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ หยิบของสิ่งนั้นออกมา แล้วเดินไปนั่งข้างๆ มันเหมือนอย่างเคย

       

      “นี่คีย์ มีของจะให้แหละ” ผมพูดก่อนจะคล้องปลอกคอสีแดงที่มีกระพรวนสีเงินวาวห้อยอยู่เข้ากับคอกลมๆ ของมัน

       

      “ไหนๆ ก็มาบ่อยๆ แล้วจะถือว่าฉันเป็นเจ้าของแกไปเลยแล้วกันนะ เวลาไปไหนมาไหนจะได้มีเสียงกรุ๊งกริ๊ง น่ารักดีใช่มั้ยล่ะ?”

       

      ...เมี้ยว... คีย์ตอบผมกลับมาแค่นั้นพร้อมหน้าแมวๆ ที่ผมเดาเอาเองว่ากำลังยิ้มให้ผม

       

      หลังจากนั้นผมก็ให้อาหารเจ้าเหมียวแล้วลุกไปอาบน้ำอาบท่าเหมือนทุกวัน แต่วันนี้แปลกตรงนี้กลับออกมาแล้วพบว่าคีย์กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้ว แมวขาวหันกลับมามองหน้าผม ส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนจะกระโดดออกนอกหน้าต่าง

       

      ผมร้องเฮ้ยแล้วพุ่งตัวไปเกาะขอบหน้าต่างไว้ เห็นหางสีขาวไวๆ บนต้นไม้ เจ้าคีย์คงจะปีนขึ้นไปข้างบนหลังคาบ้าน ตอนนั้นไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ถึงได้ตัดสินใจปีนตามมันขึ้นไป ไอ้เรื่องปีนป่ายต้นไม้น่ะของถนัดอยู่แล้วโดยเฉพาะต้นไม้ต้นนี้ ผมปีนเล่นกับอนยูมาตั้งแต่เด็ก เพราะชอบหนีไปนั่งมองฟ้าตอนกลางคืนเล่นบนหลังคาบ่อยๆ

       

      ในที่สุดผมก็พาตัวเองขึ้นมาถึงบนหลังคา ลมเย็นๆ ปะทะผิวกายเบาๆ พระจันทร์ดวงโตถูกบดบังด้วยหมู่เมฆ แต่ถ้าดึกกว่านี้หน่อยลมคงจะพัดเมฆและจันทร์คงจะลอยสูงขึ้น ฟ้าก็คงจะสว่างกว่านี้ แต่แค่นี้ก็นับว่าแสงจันทร์สว่างพอที่จะให้ผมเห็นเพิงเล็กๆ ที่เคยช่วยกันทำเอาไว้บนหลังคาบ้าน

       

      เจ้าแมวตัวขาวกำลังเดินไปหยุดที่เพิงนั้น ผมค่อยๆ เดินไปบนหลังคาอย่างระมัดระวัง ถึงจะเคยขึ้นมาบ่อยๆ แต่พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้เล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้แล้ว เพิงนั้นมีที่กว้างพอให้เด็กสองคนนอนดูดาวสบายๆ ถึงตอนนี้มันจึงไม่เล็กเกินไปถ้าผู้ใหญ่สักคนจะไปนั่งๆ นอนๆ

       

      ผมไปหยุดนั่งลงข้างๆ คีย์ที่ตอนนี้หันมามองผมแล้วแหงนหน้ามองฟ้า ผมดีดหัวเล็กๆ แต้มสีดำของมันเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวหนึ่งครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาฟ้าบ้าง

       

      ความเหงาที่คล้ายจะเลือนรางลงไปมากกลับพุ่งเข้ามาตีตื้นอีกครั้ง ถึงได้มีคนบอกไว้ว่า อากาศเย็นๆ พระจันทร์ และดวงดาวมักจะทำให้คนเราจิตใจอ่อนไหวได้ง่าย ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเอนตัวลงนอนขดบนพื้นที่เล็กๆ นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่นอนคือคีย์ยังคงนั่งอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งผมเผลอหลับไป

       

       

      มนุษย์หน้าตาหล่อคมหลับไปพร้อมความเหงา มือขาวจึงลูบกลุ่มสีสว่างนั้นแผ่วเบา ประคองเจ้าของกระพรวนเงินที่คอให้หนุนนอนบนตัก ผิวกายขาวผ่องสะท้อนแสงจันทร์ยามฟ้าเปิดพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปากสีสวย  

       

      ...เขาจะอยู่ข้างๆ คอยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้คนๆ นี้เอง...

       

       

       

      ผมล้มเลิกความพยายามคิดหาเหตุผลที่เมื่อวันก่อนตื่นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงทั้งๆ ที่จำได้ว่าปีนขึ้นไปเล่นบนหลังคา จากวันนั้นคีย์ก็หายไป เจ้าเหมียวขนขาวไม่ได้กลับมาที่ห้องผมอีกเลย ถึงจะนึกสงสัยอะไรแปลกๆ ที่เกิดขึ้นบ้างแต่ผมก็คร้านเกินกว่าจะใส่ใจ

       

      หากแต่วันนี้มันแปลกไป แปลกไปจนตัวผมเองยังคาดไม่ถึง

       

      วันนี้ผมกลับมาช้ากว่าทุกวัน กว่าจะถึงห้องก็พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามาก็พบเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวน้ำนมที่ไม่ได้เจอกันเสียหายวันนั่นจ๋องยู่บนเตียงเหมือนเดิม ผมยิ้มกว้าง รีบวางกระเป๋าแล้วพุ่งเข้าไปหามันด้วยความคิดถึง

       

      คีย์ร้องออกมาเสียงดังเมื่อผมคว้ามันเข้ามาในอ้อมกอดแล้วล้มลงไปบนเตียง ยกชูตัวมันขึ้นเพื่อจะได้เห็นหน้าเจ้าตัวแสบที่จู่ๆ หายไปชัดๆ หน้าตูมๆ ของมันตอนนี้ถ้าเป็นคนก็คงจะตลกปนน่ารักพิลึก

       

      กระพรวนที่คอส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งยามมันดิ้นไปมายิ่งทำให้ผมยิ้มออกมากว้างขึ้น นึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมาตะหงิดๆ เลยจับมันมาฟัดเล่นอยู่อีกนานสองนานกว่าจะยอมละออกมาเพื่อเดินไปหยิบนมมาเทให้อย่างทุกวัน

       

      “ฉันอาบน้ำก่อนนะ ถ้าหนีกลับไปก่อนล่ะน่าดู” ผมขู่คีย์ที่กำลังก้มหน้ากินนมอย่างไม่จริงจังนัก เจ้าเหนียวเงยหน้าขึ้นมาส่งเสียงร้องเบาๆ แล้วก้มลงไปเลียนมเข้าปากต่อ

       

      ผมอาบน้ำช้าๆ ไม่เร่งรีบเพราะทุกครั้งที่ปิดฝักบัวก็จะได้ยินเสียงกระพรวนดังกรุ๊งกริ๊งอยู่ด้านนอกเบาๆ พอให้มั่นใจว่าเจ้าแมวตัวขาวยังไม่ได้หนีไปไหน แต่เพราะผมไม่ได้เป็นพวกอาบน้ำนานอยู่แล้ว ใช้เวลาในการชำระล้างร่างกายเสร็จสรรพก็คว้าชุดนอนสวมเรียบร้อยแล้วบิดประตูห้องน้ำออกมา

       

      ทว่าภาพที่ผมเห็นกลับทำให้ผมต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

       

      คีย์กำลังนอนอยู่บนเตียงผมเหมือนอย่างเคย แต่ที่มันไม่เหมือนทุกทีก็เพราะคีย์ในตอนนี้ไม่ใช่แมว...แต่เป็นคน

       

      เสียงกระพรวนยังคงดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อผู้ที่สวมมันไว้ที่คอหันกลับมาหาผม ผิวกายขาวราวกับน้ำนมถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มครึ่งหนึ่ง ส่วนครึ่งท่อนบนกำลังปรากฏชัดแก่สายตาผมในตอนนี้ รูปร่างผอม ใบหน้าสวยหวานช่างรับกับเส้นผมสีดำสนิทได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

       

      ผมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ผ่านลำคอแห้งผากเมื่อเรียวลิ้นสีชมพูไล้เลียริมฝีปากของตัวเองเหมือนอย่างที่ชอบทำตอนยังเป็นแมว คีย์หัวเราะคิกก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แล้วซุกตัวลงใต้ผ้าห่มจนเหลือแต่ตาเรียวใส

       

      “...คีย์?”

       

      “เมี้ยว~

       

      ผมขยับเดินเข้าไปใกล้สิ่งมีชีวิตที่กำลังขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแต่ตาซุกซนนั้นกลับจ้องผมไม่เลิก กระทั่งผมหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง เจ้าของร่างผอมบางก็ยังคงมองผมอยู่อย่างนั้น

       

      ผมค่อยๆ วางมือลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทอย่างช้าๆ ลูบแผ่วเบาจนเจ้าตัวหยีตาเคลิ้ม หัวทุยเอียงไล้กับมือของผมจนใบหน้าหวานนั้นโผล่ออกมาจากผ้าห่ม ผมไล้มือไปที่คางเรียวอย่างที่แมวขนขาวตัวนั้นชอบ และมันทำให้ผมมั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือคีย์จริงๆ

       

      ปริศนามากมายที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าแมวขนขาวถูกลบออกจากสมองไปสิ้นทันทีที่กลีบปากนุ่มหยุ่นกดทาบลงมาบนริมฝีปากของผม มือเล็กวางบนไหล่แล้วพลิกตัวขึ้นมาอยู่เหนือผมแทน ตัวผมแทบจมลงกับที่นอนเมื่อร่างบอบบางปีนป่ายขึ้นมาโดยที่ริมฝีปากยังไม่ห่างกัน

       

      เขี้ยวเล็กๆ ขบลงบนปากล่างของผมเบาๆ ก่อนที่เรียวลิ้นซุกซนจะเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายผม รสจูบของแมวตัวนี้ช่างออดอ้อน แทบหลอมให้ผมละลายไปทั้งตัว ชั่วขณะหนึ่งที่ผมเหมือนจะเห็นหูเล็กๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากกลุ่มผมสีดำสนิท แต่ไม่ทันไรสายตาของผมก็ถูกบดบังเมื่อคีย์ก้มลงมากดจูบผมอีกครั้ง

       

      คืนนั้นไม่มีบทสนทนาอะไรระหว่างผมกับคีย์ มีเพียงเสียงครางแผ่วกับเสียงร้องของแมวตัวน้อยดังขึ้นเป็นครั้งคราว ความเหงาของผมถูกกำจัดไปสิ้นด้วยสิ่งมีชีวิตตัวขาวกระจ่าง ความสุขอย่างที่ไม่เคยมีเข้าควบคุมทุกพื้นที่ของหัวใจ คีย์ช่างออดอ้อนจนผมอดไม่ได้ที่จะงับหูเล็กๆ ที่โผล่ขึ้นมาทุกครั้งที่มีโอกาส

       

      แสงจันทร์ส่องสว่างเข้ามาถึงห้อง ยิ่งสะท้อนความเคลื่อนไหวระหว่างกันไม่จบสิ้น

       

       

      แสงยามเข้าส่องทะลุหน้าต่างเข้ามา ผมสะลึมสะลือขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์บนหัวนอน พยายามมองหน้าจอผ่านขี้ตาถึงได้รู้ว่าเป็นใครที่โทรเข้า

       

      “มึงรู้มั้ยว่าที่เกาหลีเพิ่งจะหกโมงเช้า”

       

      [โห เดี๋ยวนี้รับสายกูแบบนี้นะ ใช่สิ มึงหายเหงาแล้วล่ะสิ]

       

      “ก็ไม่เชิง แต่ก็ดีขึ้น” ผมยิ้มนิดๆ แว่วได้ยินเสียงอนยูหัวเราะแกนๆ

       

      [ทำไมวะ? อย่าบอกนะว่ามีแฟนแล้ว โหยยย กูไม่อยู่ไม่ทันไรมีแฟนละ ใครวะ บอกกูมั่งดิ]

       

      “ไม่ใช่แฟนหรอก”

       

      ผมตอบแล้วหันกลับมามองเจ้าแมวขนขาวที่มีกระพรวนสีเงินห้อยอยู่ที่คอกำลังหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ หากแต่กลิ่นกายหอมหวนของร่างขาวกระจ่างยามค่ำคืนยังคงฟุ้งกระจายอยู่รอบห้อง

       

      “ตอนนี้กูเลี้ยงแมวอยู่”

       

      อาจจะต้องรอให้จันทร์สว่าง ผมถึงจะได้กอดเจ้าแมวแสนน่ารักได้เต็มอ้อมแขนสินะ

      แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ผมรอได้

       

      แต่ถ้าถึงวันนั้นแล้วล่ะก็จะเล่นให้แมวร้องทั้งคืนเลยล่ะ

       

       

       

      END.

       

       

       

      Mirror* Talk: กรี๊ดดดดดดดดดด มันมาไงอ่ะ? มันมาไงงงงง 55555* เนื่องในวันเกิดน้องคีย์ เราที่ร้างราจากการเขียนฟิคจงคีย์ไปนานก็ขอกลับมาเขียนให้น้องอีกครั้งนะคะ เพราะน้องผมดำนี่แซ่บยิ่งกว่าสิ่งใด จัดไป แมวน้อยน่ารัก เย้ๆ ก็ขอให้คิมคีย์บอมมีความสุขมากๆ นะ ถึงพักหลังจะแอบไปดอดอยู่กับเด็กๆ บ้างแต่ยังไงแล้วก็ยังรักอยู่เสมอ ตอนนี้คีย์มีพัฒนาการทางสายบันเทิงขึ้นเยอะมากๆ อยากให้ไปไกลได้มากกว่านี้อีกเยอะๆ แล้วเป็นคีย์ผู้มากความสามารถของพวกเราชาวชนว.ต่อไปนะ >w<

      ปล.ฟิคเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีแก๊งดอกไม้บานไลน์ในวันนั้นช่วยบิ้วท์ 55555* ขอบคุณแก๊งดอกไม้บานไลน์มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×